ทำความรู้จักกับกาแฟ และความต่างของรสกาแฟ
ใคร ๆ ก็ดื่มกาแฟ (Coffee) ไม่ว่าจะหันซ้ายหรือแลขวา ก็มักจะพบกับภาพที่คุ้นชินของผู้คนที่เดินผ่านไปมา พร้อมกับมือที่ถือเครื่องดื่มแก้วโปรดสีน้ำตาลเข้มหรือน้ำตาลนวล เครื่องดื่มวิเศษที่ช่วยเพิ่มความสดชื่น กระปรี้กระเปร่าให้กับคุณได้อย่างน่าประหลาด ด้วยรสชาติที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ บวกกับเมนูอันหลากหลายที่บาริสต้าทุ่มเทสร้างสรรค์ออกมาได้ตอบโจทย์ในทุกความต้องการ ทำให้กาแฟขึ้นแท่นเครื่องดื่มสุดฮิตที่กระแสความนิยมแพร่กระจายไปทั่วทุกมุมโลก วันนี้เราจึงนำพาความพิเศษของเครื่องดื่มมากเสน่ห์แก้วนี้มาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกันอย่างทะลุปรุโปร่ง แล้วคุณจะได้รู้ว่า ความนิยมที่ได้มานั้นคู่ควรเพียงใด
ทำความรู้จักกับกาแฟ
ป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าสายพันธุ์กาแฟที่นิยมนำมาเนรมิตเป็นเครื่องดื่มแก้วโปรดนั้น มีอยู่สองสายพันธุ์หลัก ๆ ได้แก่ อาราบิก้า (Arabica Coffee) และโรบัสต้า (Robusta Coffee) รสสัมผัสที่แตกต่าง จากแหล่งเพาะปลูกที่ต่างกัน ทำให้ทั้งสองสายพันธุ์นี้มีเสน่ห์ในตัวเองในแบบที่ทำให้รู้สึกรักพี่เสียดายน้อง เลือกไม่ถูกว่าจะยกให้สายพันธุ์ไหนเป็นสายพันธุ์โปรดดี เพื่อให้ตัดสินใจเลือกได้ง่ายขึ้น เราจึงนำทั้งสองสายพันธุ์มาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จัก พร้อมบอกเล่าความแตกต่างระหว่างอาราบิก้าและโรบัสต้า ไว้ประกอบการตัดสินใจ จะเลือกเครื่องดื่มแก้วโปรดทั้งที ต้องรู้ลึกรู้จริง จนสามารถเลือกได้แก้วโปรดได้อย่างตรงใจ
1. กาแฟอาราบิก้า
อาราบิก้า (Arabica Coffee) ถือเป็นสายพันธุ์แรก ๆ ที่มีการค้นพบและเพาะปลูกกันมายาวนานในแถบที่ราบสูงของประเทศเอธิโอเปีย เมล็ดอาราบิก้านั้นมีลักษณะเรียวยาว เติบโตได้ดีบนพื้นที่ราบสูงเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 800 – 1,000 เมตรขึ้นไป โดยสายพันธุ์อาราบิก้านี้นิยมเพาะปลูกกันมากในทวีปแอฟริกาตะวันออก และละตินอเมริกา ส่วนในประเทศไทยก็จะพบไร่อาราบิก้าในเขตพื้นที่ภาคเหนือเป็นส่วนมาก
ด้วยรสชาติกาแฟที่นุ่มนวล กลมกล่อม แถมดื่มง่ายเพราะมีปริมาณคาเฟอีนเพียง 2% หรือน้อยกว่านั้น ทำให้อาราบิก้าเป็นสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก เหมาะกับการนำไปรังสรรค์เป็นเมนูใหม่ ๆได้อย่างหลากหลาย เป็นรสชาติที่คอกาแฟส่วนใหญ่ชื่นชอบ
2. กาแฟโรบัสต้า
โรบัสต้า (Robusta Coffee) อีกหนึ่งสายพันธุ์ยอดนิยมรองลงมาจากอาราบิก้า โดยโรบัสต้านั้นชื่นชอบความชุ่มชื้น จึงเติบโตได้ดีในที่ราบต่ำ ที่ไม่สูงจากระดับน้ำทะเลมากนัก ซึ่งเป็นลักษณะที่ตรงกันข้ามกับอาราบิก้าโดยสิ้นเชิง นิยมปลูกกันมากในบริเวณลุ่มแม่น้ำ และชายฝั่งทะเล
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบกาแฟที่ให้ Coffee Flavors (กลิ่นและรสชาติ) แบบเข้มข้นถึงใจ คงต้องมอบใจให้กับ โรบัสต้าเป็นแน่ เพราะลักษณะเด่นของสายพันธุ์นี้ คือ ความหนักแน่นในรสชาติกาแฟแท้ ที่ทั้งขมและเข้มข้น มาพร้อมกันปริมาณคาเฟอีนที่สูงกว่า 2 % เหมาะสำหรับดื่มในเมนูกาแฟดำ หรือนำไปทำเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มกาแฟสำเร็จรูป ใครที่เน้นเข้ม ๆ หนัก ๆ ต้องโรบัสต้า สายพันธุ์นี้เท่านั้นที่คอกาแฟอย่างคุณคู่ควร
ความแตกต่างระหว่างกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้าและโรบัสต้า
โดยเราจะนำมาให้เห็นชัด ๆ แยกเป็นข้อ ๆ เพื่อให้คุณนำไปเป็นข้อมูลเลือกกาแฟแก้วโปรดที่ถูกใจได้อย่างถูกต้อง
1.ลักษณะเมล็ดกาแฟ
อาราบิก้า: เรียวยาวคล้ายวงรี มีร่องเส้นกลางเมล็ดเป็นรอยขดคล้ายตัว S
โรบัสต้า: อวบอ้วนป้อมสั้น เมล็ดกลม ๆ ดูน่ารัก เส้นกึ่งกลางเป็นร่องยาวตรง
2. แหล่งเพาะปลูกที่เติบโตได้ดี
อาราบิก้า: ที่ราบสูง เหนือระดับน้ำทะเล 800 – 1,000 เมตรขึ้นไป (พื้นที่ภาคเหนือของไทย)
โรบัสต้า: ที่ราบต่ำ 500 – 600 เมตรจากระดับน้ำทะเล (พื้นที่ภาคใต้ของไทย)
3. ปริมาณคาเฟอีน
อาราบิก้า: มีคาเฟอีนน้อยกว่า 2 % ดื่มง่าย ไม่ขมมาก รสชาติดี
โรบัสต้า: มีคาเฟอีนมากกว่า 2 % รสเข้มตามแบบฉบับกาแฟแท้
4. กลิ่นและรสชาติ (Coffee Flavors)
อาราบิก้า: ให้ Flavors ที่ละมุน นุ่มนวล กลมกล่อมในทุกสัมผัส และในความกลมกล่อมนี้ยังมีรสเปรี้ยว ที่เกิดจากความเป็นกรด (Acidity) แฝงอยู่นิด ๆ พอให้ดื่มด่ำได้เพลิดเพลินสนุกกับรสชาติมากขึ้น
โรบัสต้า: ความเข้ม คือ Flavors ที่ชัดเจนของโรบัสต้า กลิ่นหอมที่หนักแน่น บวกกับรสสัมผัสความขมเข้มที่ค่อนข้างสูง คือเสน่ห์ของโรบัสต้าที่ถูกใจคอกาแฟตัวจริง
รสชาติของกาแฟจากการคั่ว 3 ระดับ
1. ระดับคั่วเข้ม
เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบดื่มด่ำกาแฟรสเข้มข้น ต้องคั่วเข้มนี่เลย กาแฟที่รสชาติบ่งบอกลักษณะการคั่ว มากกว่ารสชาติดั้งเดิมของกาแฟ จึงมีรสชาติกาแฟที่ออกไปทางขมปนหวานนิด ๆ แต่จะไม่มีความเปรี้ยว (Acidity) ลงเหลืออยู่เลย
กาแฟคั่วเข้ม เมล็ดกาแฟจะมีลักษณะสีที่เข้มเป็นมันวาว เพราะเซลลูโลสในกาแฟถูกทำลาย และระเหยออกมาเป็นนำมันเคลือบผิวเมล็ดกาแฟไว้ กาแฟคั่วเข้มนี้จึงไม่ได้สัมผัสรสชาติและกลิ่นหอมของผลไม้ดอกไม้ (Fruity & Floral) ซึ่งเป็นรสชาติดั้งเดิมของกาแฟอโรมาออกไปทางไหม้นิด ๆ รสชาติออกไปทางขมเข้ม และให้กลิ่นหอมกาแฟไหม้แบบที่คนไทย คุ้นเคยมายาวนาน
กาแฟคั่วเข้มนี้จึงนิยมนำมาชงเป็นกาแฟที่ต้องมีส่วนผสมอื่นอย่างนม ไซรัป ครีมข้นหวาน นมข้นหวาน หรือครีมเทียม ผสมผสานเพิ่มรสชาติให้กลมกล่อม เพื่อกลบความขมปนไหม้ลง ลักษณะคล้ายกับกาแฟโบราณที่คนไทยชื่นชอบนั่นเอง
2. ระดับคั่วกลาง
เป็นระดับที่ผู้ดื่มกาแฟนิยมสั่งกันมาก ด้วยรสชาติหวานอมเปรี้ยว มีรสขมนิด ๆ ที่ทำให้สัมผัสได้ถึง Body ของกาแฟ จึงเป็นจุดลงตัวที่กลายเป็นความนิยม ใช้ชงเมนูไหนก็อร่อย ให้รสนุ่มและกลมกล่อม พร้อมกับกลิ่นที่หอมจนยากเกินห้ามใจ
กาแฟคั่วกลางนี้ เซลลูโลสในกาแฟจะถูกทำลายไปเพียงบางส่วน กาแฟจึงยังคงหลงเหลือรสเปรี้ยวที่แฝงรสหวานของผลไม้มากกว่ากาแฟคั่วเข้ม และให้กลิ่นที่เป็น Nutty and Chocolaty ซึ่งความหลากหลายนี้เป็นเสน่ห์ที่ทำให้กาแฟคั่วกลางน่าหลงใหล จะดื่มไปเมนู Espresso ก็ดี หรือสร้างสรรค์เป็นเมนู Espresso With Milk ก็ให้รสชาติที่กลมกล่อมอร่อยจนหลาย ๆ คนติดใจ
3. ระดับคั่วอ่อน
เป็นระดับคั่วที่คงเอกลักษณ์ดั้งเดิมของเมล็ดกาแฟไว้ได้มากที่สุด ทั้งรสเปรี้ยว ความฝาด เป็นระดับคั่วที่เหมาะกับการทำเมนูร้อน ไม่ว่าจะเป็นเอสเพรสโซ หรืออเมริกาโน่ ใครที่ชอบเสพความดิบแบบดั้งเดิม โดยที่ไม่ปรุงแต่งอะไรเพิ่ม ต้องเลือกคั่วระดับนี้เลย รับรองจิบเพลินถูกใจแน่นอน
ด้วยระดับความคั่วที่รักษารสชาติ (Flavors) ความเปรี้ยว (Acidity) และกลิ่น (Aroma) ดั้งเดิมของเมล็ดกาแฟไว้แทบจะ100 เปอร์เซ็นต์ เมื่อดื่มด่ำ Taste Notes ของกาแฟคั่วอ่อนคุณจะได้สัมผัสถึงความละมุนมากกว่าดิบเข้มแบบกาแฟทั้งสองระดับคั่วก่อนหน้านี้ เหมาะสำหรับดื่มเป็น Espresso ที่ไม่ผสมผสานสิ่งปรุงรสและแต่งกลิ่นใด ๆ แถมดื่มง่าย ใครที่กำลังหัดดื่มEspresso แนะนำให้ลองกาแฟคั่วอ่อนนี้เลย
Specialty Coffee คืออะไร
จะหันมาเป็นกูรูเรื่องกาแฟทั้งที ต้องรู้จักศัพท์คำนี้ “Specialty Coffee” เพราะคำ ๆ นี้จะนำพาคุณไปพบกับสุดยอดกาแฟที่จะมอบความประทับใจที่ตราตรึงให้กับคุณได้อย่างแน่นอน โดยการจะเป็นร้าน Specialty Coffee ได้นั้น ต้องผ่านกระบวนการคัด คั่ว กลั่น ชง ที่ครบวงจร และได้รับการตรวจสอบคุณภาพจากผู้เชี่ยวชาญ (Cupper หรือ Q – Grader) ให้กาแฟที่ทำออกมามี Flavors ที่ได้คุณภาพ จากกระบวนการทำที่ได้มาตรฐาน ซึ่งโดยภาพรวมแล้วต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่า 80 คะแนนขึ้นไป
เรียกได้ว่ากว่าจะเป็น Specialty Coffee ได้นั้น ทั้งวัตถุดิบ วิธีการชง และตัวบาริสต้าเอง ต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจมากอยู่มิใช่น้อย เพื่อรังสรรค์กาแฟดีมีคุณภาพออกมาให้คอกาแฟได้จิบชิมลิ้มลองรสชาติที่แตกต่าง สัมผัสแท้ที่คอกาแฟปรารถนา
รู้จักความต่างของเมล็ดกาแฟจากทั่วมุมโลก
อีกหนึ่งเสน่ห์ของการจิบกาแฟ คือสัมผัสที่แตกต่างของเมล็ดกาแฟแต่ละสายพันธุ์ที่มาจากแหล่งเพาะปลูกจากทั่วทุกมุมโลก เมล็ดกาแฟแต่ละที่ล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างกันออกไป วันนี้เราจึงได้นำความต่างของเมล็ดกาแฟจาก 3 ประเทศที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสุดยอดแห่งกาแฟระดับโลกมาบอกต่อให้ทุกคนได้รู้จัก แต่ละที่จะมอบ Taste Notes และสัมผัส Aroma ที่แตกต่างกันอย่างไร ไปดูกันเลย
1. กาแฟเอธิโอเปีย
กาแฟเอธิโอเปีย ประเทศต้นกำเนิดเครื่องดื่มยอดนิยมระดับโลกอย่างกาแฟ ด้วยรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่น ความเปรี้ยวที่มาพร้อมกับกลิ่นหอมโทนดอกไม้ผลไม้ (Fruity & Floral) มอบความสดชื่นในทุกครั้งที่ได้ลิ้มลอง
สายพันธุ์อาราบิก้า ถือเป็นสายพันธุ์ที่ชาวเอธิโอเปียภาคภูมิใจ ด้วยความรักและความตั้งใจ นำไปสู่การพัฒนาจนอาราบิก้ากลายเป็นสายพันธุ์ชั้นยอดที่ได้รับความนิยมจากนักดื่มกาแฟมากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก รวมไปถึงเป็นแรงบันดาลใจในการปลูกอาราบิก้าให้กับประเทศเพื่อนบ้านในแถบลาตินอเมริกา และถูกนำมาสร้างสรรค์ออกมาเป็นสตาร์บัคส์ เนสกาแฟ ดอลเช่ กุสโต้ วีรันด้า เบลนด์ อเมริกาโน่ กาแฟแคปซูลจากสตาร์บัคส์ ที่มอบอเมริกาโน่สูตรพิเศษตามแบบฉบับของสตาร์บัคส์มาพร้อมกับกลิ่นหอมของโกโก้และถั่วคั่ว ที่ดื่มแล้วชิวให้ความรู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก
2. กาแฟบราซิล
บราซิลเป็นประเทศที่ปลูกและส่งออกกาแฟมากที่สุดในโลก โดยกว่า 80 % เป็นสายพันธุ์อาราบิก้า มี Body ค่อนไปทางกลางถึงหนัก มอบสัมผัสที่สร้างความประทับใจจากรสชาติที่ไม่เปรี้ยวมากนัก และรับรู้ได้ถึงความถั่วและโกโก้ (Nutty and Chocolaty) บ่งบอกถึงความเป็นเครื่องดื่มละตินอเมริกาสุด ๆ
3. กาแฟจากโคลัมเบีย
อีกหนึ่งประเทศที่เป็นเจ้าแห่งกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้า โดยมียอดส่งออกเมล็ดกาแฟเป็นอันดับที่ 2 ของโลกรองจากบราซิล อาราบิก้าจากโคลัมเบียนั้นจะมีรสเปรี้ยวไม่มาก แต่ยังคงความหอมแบบ Fruity & Floral ไว้อยู่ ซึ่งคุณสมบัติเฉพาะนี้ทำให้อาราบิก้าจากโคลัมเบียดื่มง่าย มีรสชาติที่หลากหลายมิติ สัมผัสที่น่าค้นหา แถมยังให้ความรู้สึกสนุกเพลินเพลินในทุก ๆ ครั้งที่ได้จิบชิมลิ้มลอง
และด้วยรสชาติพิเศษที่โดดเด่นนี้ เจ้าแห่งกาแฟอย่างสตาร์บัคส์ จึงได้นำมารังสรรค์เป็นกาแฟสูตรพิเศษอย่าง สตาร์บัคส์ เนสกาแฟ ดอลเช่ กุสโต้ โคลัมเบีย เอสเพรสโซ กาแฟจากโคลัมเบีย 100% ที่มอบทุกสัมผัสแบบโคลัมเบียสไตล์ให้คอกาแฟทั่วโลกสามารถชงดื่มได้เอง แถมยังได้รสชาติที่เสมือนยกร้าน Specialty Coffee มาไว้ที่บ้านอย่างไรอย่างนั้น
เห็นไหมว่ากาแฟนั้นเป็นเครื่องดื่มที่ให้คุณมากกว่าเครื่องดื่มทั่วไป ความรู้เกี่ยวกับแหล่งเพาะปลูกที่เป็นที่มาที่ไปของรสชาติที่แตกต่าง ความสนุกในการได้ลิ้มรสความหลากหลาย กรรมวิธีการชงที่ถูกสรรค์สร้างออกมามากมาย กลายเป็นเมนูที่ละลานตาจนไม่รู้จะลิ้มลองเมนูไหนก่อน ล้วนแต่น่าทานไปทั้งหมด และนี่คือเสน่ห์ของกาแฟที่มัดใจคอกาแฟ จนกลายเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมที่ทั่วโลกยอมรับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน